การเลือกฟีล์มให้ตรงใจว่ายากแล้ว ถ้าต้องเลือกฟีล์มให้ตรงวัตถุประสงค์การใช้งานยิ่งยากกว่า เพราะเรื่องความเข้มของฟีล์มนั้นนับเป็นปัญหาโลกแตก ที่คนใช้รถ (และต้องการติดฟีล์ม) ต้องพบเจอ ยกเว้นพวกรู้ตัวว่าขี้อาย ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มักใช้ฟีล์มเข้ม หรือพวกที่ชอบโชว์ของ ก็มักนิยมฟีล์มโทนสีอ่อน ดังนั้น “4 WHEELS” มีวิธีเลือกฟีล์มอย่างถูกต้อง ที่พิจารณาเฉพาะความเข้มของฟีล์มเท่านั้น
ใช้รถตอนกลางวันเป็นหลัก
ใครที่ใช้รถตอนกลางวันเป็นประจำจะรู้ว่า ความร้อนจากแสงแดดมันโหดร้ายต่อร่างกาย และรถของเราเพียงใด เพราะนอกจากความร้อนจากแดดจ้าที่กระแทกตาเราแล้ว บางครั้งยังเจอแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เข้าตาเราอีกด้วย ดังนั้นคนที่ใช้รถตอนกลางวันเป็นประจำ ควรเลือกใช้ฟีล์มกรองแสงที่เป็น “ฟีล์มทึบ” ประมาณ 60-80 % แล้วแต่รสนิยม และความสามารถในการมองเห็นของแต่ละคน เพราะสามารถลดความร้อน และความจ้าของแสงแดดได้เยอะ แต่แนะนำให้ยกเว้นบานหน้าไว้ 1 บานให้เข้มเพียง 40 % เผื่อเอาไว้ขับตอนกลางคืนบ้าง
ใช้รถตอนกลางคืนเป็นประจำ
คนที่ใช้รถช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก จะไม่เจอปัญหาเรื่องความจ้า และความร้อนจากแสงแดดแน่นอน แต่จะเจอไฟหน้าของเพื่อนร่วมทางแยงตาแทน การติดฟีล์มกรองแสงนั้นคงหนีไม่พ้น “ฟีล์มใส” เพราะสามารถมองเห็นในความมืดได้ดีกว่าฟีล์มชนิดเข้ม แนะนำให้ใช้ฟีล์มที่มีความเข้มประมาณ 40-60 % ฟีล์มที่มีความเข้ม 60 % สามารถลดความจ้าของไฟหน้ารถที่ตามมาได้ระดับหนึ่ง ส่วนฟีล์มบานหน้านั้น แนะนำให้ไม่เกิน 40 % เพราะมองเห็นได้ดีในเวลากลางคืน
ใช้รถทั้งกลางวัน และกลางคืนพอๆ กัน
คุณคือคนส่วนใหญ่ในสังคม ที่ใช้รถระหว่างกลางวันและกลางคืนพอๆ กัน คุณจะต้องเจอกับรังสีความร้อนต่างๆ ที่มากับแสงแดด และยังต้องเจอกับไฟหน้ารถจากเพื่อนร่วมทาง (รวมถึงไฟตัดหมอกจากท้ายรถคันหน้าบางคัน) ดังนั้นควรติดฟีล์มที่มีคุณภาพสูงหน่อย แบบที่มีตัวเลขการกันความร้อนจากแสงแดดได้เยอะ โดยที่ไม่ต้องใช้ฟีล์มที่มีความเข้มมากๆ แนะนำให้ติดฟีล์มกรองแสงที่เป็น “ฟีล์มเข้ม” ประมาณ 60 % หรือน้อยกว่านั้น เพื่อที่สามารถลดความจ้าในเวลากลางวัน และมองเห็นได้ในเวลากลางคืน ส่วนบานหน้าให้ติดไม่เกิน 40 % เหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยในเวลากลางคืน