ไฟตรงนี้ขึ้นมาที่หน้าปัด มันคือสัญญานบอกอะไร คนขับรถต้องรู้นะ!!!! สัญลักษณ์ ที่แสดงที่หน้าปัดหน้ารถ บ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆของรถเรา ต้องคอยสังเกตุไฟต่างๆ เดี๋ยวเราจะมาเหลาให้ฟังทีละตัวเลยครับ
วัดความเร็ว
หน้าปัดหรือเกวัดความเร็ว อันนี้ถือเป็นพื้นฐานของการใช้งานหน้าปัดเลยครับ เพราะตัวนี้จะคอยบอกว่า ความเร็วของรถในขณะนั้น อยู่ที่เท่าไหร่แล้ว โดยหน่วยการวัดรถในเมืองไทยจะเป็น กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ในรถที่นำเข้ามาจากฝั่งอเมริกา จะเป็น ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งการแสดงผลจะมี 2 แบบคือ เป็นเข็มที่หมุนขึ้นไปตามความเร็ว กับแบบดิจิตอลที่บอกเป็นตัวเลข ซึ่งใช้หลายรูปแบบในการวัดความเร็ว ทั้งสายสลิง, แบบแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น และจะวัดในตำแหน่งที่ต่างๆกันในแต่ละรุ่น เช่น วัดจากชุดเกียร์, วัดจากเพลาขับ, วัดจากเฟืองท้าย เป็นต้น
วัดรอบ
ตัววัดรอบนี้โดนส่วนใหญ่ จะอยู่ด้านซ้าย ข้างๆ วัดความเร็ว ซึ่งจะเป็นตัวที่บอกจำนวนรอบของเครื่องยนต์ในตอนนั้น ซึ่งโดยปกติจะเป็นตัวเลข แล้วคูณด้วย 1,000 (สังเกตุว่า จะมีเขียนไว้ด้วยนะ) ก็จะออกมาเป็นจำนวนรอบ/นาที โดยมีการแสดงผลทั้งแบบเข็มและแบบดิจิตอล ซึ่งมาตรวัดรอบนี้ จะเอาไว้ดูว่า จำนวนรอบที่ใช้งานตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่ และคอยเตือนไม่ให้เราใช้รอบสูงเกินกว่าที่รถจะรับได้ สังเกตได้จากเส้นสีแดงบนมาตรวัด ถ้าเข็มหรือขีดขึ้นไปถึงเมื่อไหร่ แสดงว่าจะเริ่มเกินขีดจำกัดของเครื่องยนต์แล้ว และสามารถบอกถึงความผิดปกติของเกียร์หรือระบบขับเคลื่อนได้อีกด้วย เช่น ถ้าปกติความเร็ว 100 กม./ชั่วโมง จะใช้รอบที่ 2,000 รอบ/นาที แต่ตอนนี้เครื่องกับใช้ 2,200 รอบ/นาที แสดงว่าชุดเกียร์เริ่มมีปัญหา ต้องเข้าอู่เพื่อให้ช่างดูได้แล้วครับ ซึ่งใครขับเกียร์กระบุก ต้องเอาไว้ใช้ดูเวลาเราจะเปลี่ยนเกียร์ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ นั้น เอาไว้เช็คว่า ระบบเปลี่ยนเกียร์มีปัญหาหรือไม่
อุณหภูมิเครื่องยนต์
มาตรวัดตัวนี้จะเป็นตัวบอกความร้อนในตัวเครื่องยนต์ โดยมีทั้งแบบเข็มและแบบดิจิตอล แสดงระหว่างตัว C (Cool) และตัว H (Heat) โดยบางรุ่นเมื่ออุณหภูมิปกติ จะอยู่ตรงกลางระหว่าง C และ H จะวางแนวตั้งหรือแนวนอนก็ตามรถแต่ละยี่ห้อครับ ซึ่งถ้ามันขึ้น H แสดงว่า ระบบระบายความร้อนมีปัญหาแน่ๆ
ระดับน้ำมัน
บอกระดับน้ำมันของรถเราครับ อันนี้ก็เบสิกง่ายๆ F บอกว่า full E ก็ empty จะหมดละรีบเติม ซึ่งสังเกตุดีๆ จะมีลูกศร ชี้ ไปทางซ้าย หรือขวา ตัวนี้หมายถึง ฝาน้ำมัน อยู่ซ้ายหรือขวานะครับ ส่วนใหญ่ รถญี่ปุ่นจะอยู่ซ้าย รถยุโรปจะอยู่ขวา แต่ผมชอบ อยู่ขวามากกว่า ไม่ต้องต่อคิวเติมนานครับ
วัดระยะทาง
ตัวเลขวัดระยะทาง จะบอกถึงระยะทางที่เราขับมาทั้งหมด มันสามารถกดให้ จับระยะทางให้เราได้ด้วยนะครับ หลายๆคนไม่ทราบ ตัวนี้จะช่วยเตือนให้เรา เอารถเข้าเช็คที่ศูนย์ ครับผม
ไฟหน้า

บอกถึงว่าเราเปิดไฟหน้าแล้วหรือยัง มีทั้งสีเขียวและสีส้ม แต่ถ้ามีดวงไฟสีน้ำเงินหรือฟ้าขึ้นมา แสดงว่าตอนนั้นมีการเปิดไฟสูงไว้ ซึ่งมันจะแยงตาคนที่ขับรุสวนมานะครับ ทางเรามองไม่ค่อยเห็นทางค่อยเปิดละกันนะครับ
ประตู
ถ้ามีรูปรถยนต์ที่เปิดประตูค้างไว้แบบนี้เปิดขึ้นมา แสดงว่าต้องมีประตูใดประตูหนึ่งยังไม่ปิด หรือปิดแล้วยังปิดไม่สนิท ให้ตรวจสอบแล้วปิดใหม่อีกครั้งครับ บางรุ่นจะมีบอกถึงฝาหระโปรงหลังด้วยครับว่าปิดหรือยัง
เบรกมือและเบรก
สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อนครับ
แบตเตอรี่
หลายคนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อมีอาการแบตเตอรี่เสื่อม ตัวสัญลักษณ์นี้จะแดงขึ้นมา จริงๆแล้วสัญลักษณ์นี้จะแสดงขึ้นมา เมื่อการทำงานของไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ ไม่จ่ายไฟเข้าไปเก็บที่แบตเตอรี่หรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อไฟแบตเตอรี่แสดง ก็เตรียมตัวซ่อมไดร์ชาร์จได้เลยครับ ไม่เกี่ยวกับแบตหมดไม่หมดนะครับ ถ้าแบตหมด มันจะสตาร์ทไม่ติดครับ
ถุงลมนิรภัย
ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ จะมีอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย หรือ Airbag กันหมดแล้วครับ โดยถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องแล้ว ก็ต้องเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงานได้ครับ
ABS
ถ้าในรถคันนั้นมีระบบเบรก ABS แล้วระบบตรวจพบการทำงานที่ผิดปกติ สัญลักษณ์นี้ก็จะแสดงขึ้นมา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับศูนย์บริการหรืออู่ทันทีครับ แต่ระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการเบรกกะทันหัน ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองครับ
น้ำมันเครื่อง
สัญลักษณ์รูปกรวยน้ำมันนี้ จะแสดงขึ้นมาเมื่อระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก ให้เรารีบตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องแล้วเติมให้อยู่ในระดับปกติทันทีครับ แต่ก็มีโอกาสเป็นอาการอื่นได้อีกเช่น ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องไม่ขาด แต่สัญลักษณ์แสดงขึ้นมา ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่า ตัวปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา ไม่มีแรงดันน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงตามจุดต่างๆ ก็อาจทำให้มีการแจ้งเตือนได้เช่นกันครับ
เครื่องยนต์
ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วครับ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ โดยเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) จะมีค่า Error แจ้งมา ก็จะรู้ได้ว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติตรงไหนได้ครับ ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิมครับ
ขอบคุณบทความจาก http://www.autodeft.com/deftanswer/meaning-of-car-dashboard-light
สัญลักษณ์อื่นๆ เดี๋ยวผมจะทำมาให้อ่านกันในบทความหน้านะครับ