เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนสูงกว่าปกติ ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้ถนนลื่น ลดทัศนวิสัยการมองเห็นของผู้ขับขี่ มีน้ำขังหรือเจิ่งนองบนผิวถนน ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษและไม่ควรประมาท เราจึงมีข้อควรระวังมาแนะนำผู้ใช้รถในช่วงหน้าฝนนี้คือ
1.ตรวจสอบความพร้อมของรถ
ในหน้าฝนจะต้องเตรียมสภาพรถให้พร้อมรับอากาศชื้นแฉะมากกว่าปกติ
- เช็คสภาพยาง ลมยาง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบยางรถยนต์ทุกครั้งที่ออกเดินทาง ควรใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียด เติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางมีความแข็ง จะทำให้ยางมีกำลังรีดน้ำดียิ่งขึ้น ระวังอย่าให้ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไป
- เช็คผ้าเบรก เบรกเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเกิดฝนตกจะทำให้บนท้องถนนลื่น ตัวเบรกนั้นจะทำให้เราสามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย เราควรต้องเช็คเบรกอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากเราเบรกแล้วเริ่มมีเสียง หรือรู้สึกว่าเบรกไม่ค่อยอยู่ นั้นแปลว่าเบรกเราเริ่มเสื่อมสภาพ จะมีความเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ
- ใบปัดน้ำฝน ตรวจสอบอุปกรณ์ใบปัดน้ำฝนให้สามารถปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก ถ้าหากเห็นว่าใบปัดน้ำฝนรีดน้ำออกไม่หมด หรือปัดแล้วมีเสียงขณะปัดนั้น แปลว่าใบปัดเสื่อมสภาพ เราควรเปลี่ยนใบปัดใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้งานได้ดีขึ้น
- ไฟรถ ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี หากโคมแก้วเปื้อนให้เช็ดทำความสะอาดเพื่อให้ความสว่างเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถทำให้เราเห็นถนนในช่วงเวลาที่มืดได้ดีขึ้น และผู้ขับขี่คนอื่นได้เห็นสัญญาณไฟรถของเรา เพื่อลดอุบัติเหตุ
2.เปิดไฟหน้ารถ
ให้เปิดไฟหน้ารถ, ไฟตัดหมอก เมื่อฝนตกหนัก จะทำให้ผู้ร่วมทางคนอื่นๆสามารถที่จะสังเกตเห็นรถเราได้ง่ายขึ้น
3.ระวังในช่วงฝนตกใหม่ๆ
ในหลายการวิจัยพบว่า 10 นาทีแรก ที่ฝนเริ่มตกใหม่ ๆ เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดิน และฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ดังนั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ จึงควรการลดความเร็วของรถ
4.ใช้ความเร็วให้เหมาะสม ลดความเร็วลงและเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น
ใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับทัศนวิสัยการมองเห็น และให้เว้นระยะจากรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม 2 เท่า เพราะถนนที่ลื่นทำให้การเบรกต้องใช้ระยะที่มากขึ้น รวมถึงการขับรถเร็วสูงก็ทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น
5.ไม่ควรเบรกกะทันหัน
พื้นถนนมีความลื่นหรือมีน้ำขังอยู่บนท้องถนน การเบรกอย่างกะทันหัน และเบรกโดยไม่จำเป็น อาจทำให้รถเสียการการทรงตัว จากการลื่นไถลจนไปชนรถด้านหน้าได้ รวมไปรถที่ตามหลังมาก็อาจชนด้านท้ายรถของเราได้เช่นกัน
6.เพิ่มการสังเกตบนถนน
สังเกตจุดที่มีน้ำขังบนถนน หรือแอ่งน้ำข้างๆเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง หากขับมาด้วยความเร็วสูงรถจะเกิดการเหินน้ำ จนไม่สามารถควบคุมรถได้
7.บริเวณน้ำท่วมขัง
การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง ผู้ขับขี่ควรหยุดประเมินสถานการณ์ และขับรถผ่านถนนในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังน้อยที่สุด โดยสังเกตระดับความลึกจากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาทข้างทาง
8.ปิดระบบปรับอากาศขณะขับรถลุยน้ำ
ขณะขับรถลุยบริเวณที่น้ำท่วมขังให้ปิดระบบปรับอากาศ และใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์ L หรือเกียร์ 1) เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไปและน้ำอาจจะย้อนเข้าเครื่องยนต์ทางท่อไอเสียได้
9.ย้ำเบรกบ่อยๆหลังจากขับรถลุยน้ำมัน
หลักจากขับรถผ่านบริเวณที่น้ำท่วมขังมาแล้ว ให้ย้ำเบรกบ่อยๆ เพื่อรีดให้ผ้าเบรกแห้ง ป้องกันการเบรกแล้วลื่น และหากต้องจอดรถเป็นเวลานานๆด้วย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรกมือด้วยเพื่อป้องกันอาการเบรกติด
10.ถ้าฝนตกหนักมากๆ
ในกรณีที่ฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นระยะทางข้างหน้าได้เกิน 10 เมตร ควรหาที่ปลอดภัยจอดรถ หรือถ้าจำเป็นต้องจอดข้างทางก็ให้เปิดไฟฉุกเฉินไว้ด้วย และรอจนฝนเบาลงก่อนจึงค่อยเดินทางต่อ
CR: เตือน 10 ข้อควรระวังขับรถหน้าฝน ต้องปรับวิธี และแนวทางในการขับขี่ ,5 วิธีขับรถหน้าฝนตามระดับความแรงของฝน ,5 ข้อควรระวัง เวลาขับรถตอนฝนตกหนัก ,ข้อควรปฎิบัติในการขับรถช่วงฤดูฝน